วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

USB Mobile LCD จอที่สองของโน้ตบุ๊ค

ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์ เคยมีงานวัจัยเกียวกับการใช้คอมพิวเตอร์ระบุว่า การใช้มอนิเตอร์ 2 จอในการทำงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 20% ทั้งเรื่องของความถูกต้อง และความเร็ว เนื่องจากการแยกหน้าต่างโปรแกรม หรือพาเนลการทำงานให้แสดงผลคนละหน้าจอจะทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นพื้นที่การทำงานตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ได้ครบถ้วน และเต็มตาด้วยขนาดที่เต็มจอกว่านั่นเอง

Toshiba Mobile Monitor เป็นจอ LCD ขนาด 14 นิ้ว (เท่าๆ กับจอโน้ตบุ๊ค) ที่สามารถให้ความละเอียดของการแสดงผลได้สูงถึง 1366x768 พิกเซล ออกแบบให้มาพร้อมกับซองแข็ง (ลักษณะคล้ายแฟ้มแข็งยึดติดด้วยตีนตุ๊กแก) ที่ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการนำจอ LCD นี้พกพาติดตัวไปไหนต่อไหนได้ตามต้องการเท่านั้น แต่มันยังสามารถพับเป็นขาตั้งให้กับจอ LCD ได้อีกด้วย โดย Toshiba กล่าวว่า โมบายมอนิเตอร์ของทางบริษัทสามารถทำงานเป็นจอที่สองของโน้ตบุ๊คได้ด้วยการเชื่อมต่อทางพอร์ต USB เพียงพอร์ตเดียวได้ (ไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟให้กับ Mobile LCD เพราะมันสามารถใช้ไฟ และสัญญาณจากพอร์ต USB ได้เลย)

คุณผู้อ่านสามารถใช้จอ LCD สำหรับการแสดงผลที่เหมือนกับจอโน้ตบุ๊คที่เชื่อมต่ออยู่ด้วยกัน หรือใช้เป็นจอที่สองสำหรับพื้นที่แสดงผลเพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถย้ายหน้าต่างการทำงานจากจอที่หนึ่งไปไว้บนจอที่สองได้ เพื่อให้เห็นพื้นที่การทำงานชัดเจน และสะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อจอ Mobile LCD กับโน้ตบุ๊คจะทำให้แบตเตอรี่ของคุณหมดเร็วกว่าปกติ สำหรับจอ LCD พกพาของ Toshiba รุ่นนี้สนนราคาอยู่ที่ 199.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 6,600 บาท

ข้อมูลจาก: Toshiba

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

โพล เผย 10 จังหวัด ประชาชนอยู่เป็นสุขที่สุด สุพรรณบุรีแชมป์

เผยจังหวัดที่ประชาชน อยู่แล้วเป็นสุขมากที่สุด (ไทยโพสต์)

สำรวจจังหวัดน่าอยู่ สุพรรณบุรี อุตรดิตถ์ พังงา สุโขทัย เพชรบูรณ์ ติดอันดับ ไม่น่าเชื่อภูเก็ตที่โหล่ ขณะที่นราธิวาสอยู่แล้วรู้สึกกลัวอาชญากรรม น่าวิตกคนไทยสมัยนี้เห็นการคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือศูนย์วิจัยความสุขชุมชน (Academic Network for Community Happiness Observation and Research, ANCHOR) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่องจัดอันดับความรู้สึกของประชาชนต่อจังหวัด “อยู่แล้วเป็นสุข” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้ที่พักอาศัยอยู่ใน 77 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 42,538 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2554
ผลสำรวจพบ 10 จังหวัดที่ประชาชนรู้สึกว่า อยู่แล้วเป็นสุขมากที่สุด คะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้แก่

อันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีคะแนนความรู้สึกอยู่แล้วเป็นสุขเฉลี่ยอยู่ที่ 7.83 คะแนน

อันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ 7.66 คะแนน

อันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดพังงา ได้ 7.56

อันดับที่ 4 ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ได้ 7.50

อันดับที่ 5 ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ 7.44

อันดับที่ 6 ได้แก่ จังหวัดสตูล

อันดับที่ 7 ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์

อันดับที่ 8 ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก

อันดับที่ 9 ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว

อันดับที่ 10 ได้แก่ จังหวัดพะเยา

สำหรับ 5 จังหวัดสุดท้ายที่ประชาชนรู้สึก “อยู่แล้วเป็นสุข” ได้แก่

อันดับที่ 73 ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ 6.45 คะแนน

อันดับที่ 74 ได้แก่ จังหวัด กระบี่ ได้ 6.41 คะแนน

อันดับที่ 75 ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ได้ 6.40 คะแนน

อันดับที่ 76 ได้แก่ จังหวัดสงขลา ได้ 6.32 คะแนน

อันดับที่ 77 ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ได้ 5.64 คะแนน
เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกหวาดกลัวต่ออาชญากรรม พบว่าประชาชนใน จังหวัดนราธิวาส รู้สึกหวาดกลัวต่ออาชญากรรมมากที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ 6.92 รองลงมาอันดับที่สอง ได้แก่ ระยอง ได้ 6.40 อันดับที่สาม ได้แก่ สมุทรปราการ ได้ 6.38 อันดับที่สี่ ได้แก่ ปัตตานี ได้ 6.24 อันดับที่ห้า ได้แก่ นนทบุรี ได้ 6.19 อันดับที่หก ได้แก่ นครพนม ได้ 6.13 อันดับที่เจ็ด ได้แก่ สิงห์บุรี ได้ 6.07 อันดับที่แปด ได้แก่ อุดรธานี ได้ 6.04 อันดับที่เก้า ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัด อ่างทอง ได้ 5.92 เท่ากัน

นอกจากนี้ ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ประชาชนที่ถูกศึกษาร้อยละ 52.7 คิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ ร้อยละ 12.3 ระบุไม่แน่ใจ และมีเพียงร้อยละ 35.0 ที่ไม่คิดเช่นนั้น เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการทุจริตคอรัปชั่นในการทำธุรกิจจำแนกตามเพศ พบว่าเพศชายและเพศหญิงคิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นในการทำธุรกิจไม่แตกต่างกัน โดยเพศชายร้อยละ 54.0 เพศหญิงร้อยละ 51.7 ตามลำดับ

เมื่อจำแนกตามกลุ่มอายุ พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปคิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ โดยร้อยละ 56.7 อายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 56.3 อายุ 40-49 ปี และร้อยละ 56.2 อายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 47.0 อายุ 20-29 ปี ในขณะที่ร้อยละ 38.9 อายุต่ำกว่า 20 ปี

จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมีเพียงร้อยละ 37.4 คิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ ร้อยละ 15.0 ระบุไม่แน่ใจ ร้อยละ 47.7 ไม่คิดเช่นนั้น ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีและปริญญาตรีเกิน ครึ่ง หรือ ร้อยละ 54.1 ต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 51.2 ระดับปริญญาตรี คิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ

จำแนกตามอาชีพ พบว่าผู้ประกอบอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว และกลุ่มข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจเกินครึ่ง หรือร้อยละ 55.9 และร้อยละ 50.8 คิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตาม นักเรียนนักศึกษาร้อยละ 42.2 ไม่คิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา

จำแนกตามภูมิภาค พบว่าผู้ที่พักอาศัยในภาคกลางร้อยละ 60.2 คิดว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ รองลงมา กรุงเทพมหานครร้อยละ 55.5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 54.7 ภาคเหนือร้อยละ 46.1 และภาคใต้ร้อยละ 41.8 ตามลำดับ

ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชนกล่าวว่า หลายจังหวัดของประเทศที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง มีคนรวยพักอาศัยอยู่จำนวนมาก แต่ประชาชนธรรมดาทั่วไปโดยรวมกลับมีความรู้สึก “เป็นสุข” น้อยกว่าจังหวัดอื่นๆ ของประเทศ จึงเป็นข้อมูลที่นักพัฒนาและผู้บริหารประเทศน่าจะนำไปประกอบการตัดสินใจเชิง นโยบายเพื่อหาแนวทางเพิ่มดัชนีความสุขของประชาชนระดับพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ของประเทศ นอกจากนี้ ผลสำรวจครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่าทัศนคติอันตรายต่อการทุจริตคอรัปชั่นกำลัง ไปอยู่ในกลุ่มเด็กเยาวชนนักเรียนนักศึกษาจำนวนมาก และเป็นปัญหาที่รัฐบาล กลไกหน่วยงานต่างๆ ของรัฐและภาคประชาสังคมต้องหาแนวทางช่วยกันทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปสู่การ พัฒนาที่ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน

"จึงเสนอให้พิจารณาใช้ 4 มาตรการควบคู่กันในการทำให้คนในจังหวัดอยู่เย็นเป็นสุขคือ มาตรการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีของคนในชุมชน มาตรการเพิ่มความโปร่งใสใช้งบประมาณพัฒนาด้วยการนำรายการใช้จ่ายเปิดเผยต่อ สาธารณชนในจังหวัดผ่านเว็บไซต์ วิทยุชุมชน ป้ายโฆษณาและเอกสารแจกจ่ายในหมู่บ้านชุมชนต่างๆ มาตรการการเพิ่มความเข้มงวดในการใช้กฎหมายควบคุมพฤติกรรมไม่ดีของคน และมาตรการไม่เลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การลงทุนประกอบธุรกิจ และปัญหาต่างๆ ของสังคม" ดร.นพดลกล่าว

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่าตัวอย่างร้อยละ 48.4 เป็นชาย ร้อยละ 51.6 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 4.1 อายุน้อยกว่า 20 ปี ร้อยละ 20.6 อายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 22.8 อายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 21.7 อายุระหว่าง 40-49 ปี และร้อยละ 30.8 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 69.9 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 26.8 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 3.3 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ตัวอย่างร้อยละ 28.2 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 30.8 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 8.2 ระบุเป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 10.5 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 11.2 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 6.2 ระบุเป็นนักเรียนนักศึกษา ในขณะที่ร้อยละ 4.9 ระบุว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 30.0 ระบุรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาท ร้อยละ 28.4 ระบุรายได้ 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 13.1 ระบุ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 7.5 ระบุรายได้ 15,001-20,000 บาท และร้อยละ 21.0 ระบุรายได้มากกว่า 20,000 บาท

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://thaipost.net/x-cite/210311/35978

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

WebMatrix โปรแกรมที่ช่วยให้สร้างเว็บไซต์ได้ง่าย คุณภาพดี และที่สำคัญ ฟรี จากMicrosoft

WebMatrix เป็นเครื่องมือพัฒนาเว็บไซต์ตัวใหม่จาก Microsoft ที่มีทุกเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ เริ่มต้นจากWeb application Template ที่มีอยู่ในWebMatrix หรือการเริ่มเขียนโค้ดด้วยตัวเอง เป็นการรวมทุกอย่างไว้ด้วยกันให้ใช้งานง่าน ดาวน์โหลดฟรี ซึ่งไม่เคยมีโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ใดที่ช่วยในการพัฒนาเว็บไซต์ได้มากขนาดนี้มาก่อน

ดาวน์โหลด WebMatrix ที่นี่!! www.microsoft.com/thailand/web/webmatrix/

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

รีวิวโน๊ตบุ๊ค Toshiba Portege R700


หลังจากหายหน้าหายตาไปพักนึงช่วงนี้ก็เริ่มมีคนส่งโน๊ตบุ๊คมาให้ลองใช้งาน และรีวิวใหม่แล้ว ก็จะทยอยๆนำมาลงให้ดูกันเรื่อยๆครับ ก็เอาไว้ดูว่าเดี๋ยวนี้มีรุ่นไหนออกมาบ้างหน้าตาเป็นยังไงก่อนที่จะไปดูตัวจริงแล้วตัดสินใจซื้อกันเองนะครับ

วันนี้ประเดิมตัวแรกก็เป็น Toshiba Portege R700-2007U นะครับ สำหรับแบรนด์นี้ไม่ต้องบอกว่าอยู่ในวงการโน๊ตบุ๊คมาก่อนใคร ถึงตัวผลิตภัณฑ์เดสท๊อปจะแทบไม่เคยเห็นในตลาดเพราะมีน้อยมาก แต่สำหรับในวงการโน๊ตบุ๊คต้องยอมรับว่าเก๋ากว่าบริษัทผู้ผลิต PC บางเจ้าเสียอีก เรียกว่าอยู่ในวงการมาตั้งแต่โน๊ตบุ๊คราคารุ่นถูกๆตัวนึงเป็นแสน จนมาปัจจุบันที่โน๊ตบุ๊คหมื่นกว่าบาทก็มีขายกันแล้ว หลังๆอาจจะโดนรายอื่นๆแบ่งส่วนแบ่งไปบ้าง แต่ด้วยชื่อเสียงที่ทำมาค่อนข้างดี ก็ทำให้ยังมีแฟนๆอยู่ครับ

มาดูสเป็คกัน

-Intel(r) Core(tm) i7-620M processor 2.66GHz with Turbo Boost Technology up to 3.33GHz (2.66GHz, 4MB Cache)
-Genuine Windows(r) 7 Professional
-4096MB (2048MBx2) DDR3 1066MHz SDRAM expandable to 8192MB
-500GB (SATA) with shock absorbers HDD
-13.3" WXGA HD LED Backlight TFT display (16:9), resolution 1,366 x 768
-Intel(r) HD Graphics
-Built-in Web Camera
-Bluetooth V2.1 w/ Enhanced Data Rate
-Brushed Metallic Black

ได้รับแจ้งมาว่าราคาเริ่มต้นที่ 42,900บาทไปจนถึงตัวท๊อปราคา 89,900บาท แต่ตัว body หน้าตาเหมือนกันทุกรุ่นครับ

มาดูตัวเครื่องกันดีกว่า


วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รายงานข่าวจาก The Wall Street Journal เผยแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ระบุว่า Apple ได้สั่งให้โรงงานในจีนเริ่มผลิต iPad 2 แล้ว โดยไอแพดรุ่นใหม่จะมีความบาง และเบากว่ารุ่นแรก พร้อมทั้งฟันธงว่า iPad 2 จะมาพร้อมกับกล้องด้านหน้า (fron-facing camera) รวมถึงการใช้โพรเซสเซอร์ที่เร็วกว่าเดิม มีหน่วยความจำมากขึ้น ตลอดจนหน่วยประมวลผลกราฟิกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาจะมีการพูดถึงคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่าง กัน โดย WSJ กล่าวว่า ความละเอียดของหน้าจอแสดงผล iPad 2 จะเท่าๆ กับรุ่นแรกคือที่ 1024 x 768 ในขณะที่เว็บไซต์ DgiTimes รายงานข่าวเมื่อเดือนมกราคมทีผ่านมาว่า iPad 2 จะมีความละเอียดมากกว่า 4 เท่าคือ 2046 x 1536 พิกเซล แม้จะมีรายงานข่าวว่า ทาง Apple ได้เริ่มผลิต iPad 2 แล้ว แต่สิ่งที่ทาง WSJ ไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาก็คือ กำหนดการวางตลาดของ iPad รุ่นใหม่

Apple แนะนำ iPad รุ่นแรกในเดือนเมษายน 2010 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า iPad 2 น่าจะวางตลาดในช่วงเดือนเมษายนเช่นเดียวกัน เพื่อให้มีช่วงเวลาสำหรับรอบการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง iPhone 5 ด้วย อย่างไรก็ตาม Apple อาจจะมีการเปลี่ยนรอบการออกผลิตภัณฑ์ให้เร็วขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ของปีนี้ไม่เหมือนกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเปิดตัวของแท็บเล็ตสายพันธุ์ Android จากบรรดาผู้ผลิตพีซี รวมถึงการที่ Google เร่งเครื่องพัฒนา Android 3.0 Honeycomb โอเอสสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญที่ Apple ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว ผุ้เชียวชาญ และนักวิเคราะห์อีกกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อว่า Apple น่าจะวางตลาด iPad 2 ให้เร็วขึ้น เพื่อแตะเบรคแท็บเล็ต Android โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีรายงานข่าวการเปิดสายการผลิต iPad 2 แล้ว ยิ่งสร้างความเป็นไปได้ที่ผู้บริโภคจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ iPad รุ่นใหม่ในเดือนหน้านี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทางเว็บไซต์ arip จะเกาะติดความคืบหน้าของ iPad 2 มาให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันอีกทีหนึ่ง

เว็บไซต์ในข่าว: http://www.arip.co.th/news.php?id=413149